Bilastine ยาแก้แพ้ตัวใหม่ชนิดไม่ง่วง
ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานี้สถานการณ์ของโรคภูมิแพ้มีอุบัติการณ์เพิ่มสูงขึ้นถึง 3- 4 เท่า ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย โดยที่สาเหตุหลักของอาการภูมิแพ้ต่างๆ เกิดจากการที่ร่างกายของเราได้รับสิ่งกระตุ้นทั้งหลายที่สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน เช่น ฝุ่น มลภาวะ หรือเกสรดอกไม้ ซึ่งสิ่งกระตุ้นเหล่านี้จะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของเราให้เกิดอาการต่างๆ ทำให้เกิดอาการคัน ผื่นแพ้ น้ำมูกไหล จาม ที่ก่อให้เกิดความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ แนวทางในการรักษาอาการเหล่านี้สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาแก้แพ้นั่นเอง
ยาแก้แบบง่วง vs ยาแก้แพ้แบบไม่ง่วง
ยาแก้แพ้ที่ทำให้ง่วงนอนนั้นจัดเป็นยาแก้แพ้กลุ่มเก่าที่สามารถเข้าสู่สมองและทำให้เกิดผลข้างเคียงทำให้ง่วงซึมได้ ในขณะที่ยาแก้แพ้รุ่นใหม่ชนิดที่ไม่ง่วงจะถูกพัฒนาขึ้นให้เข้าสู่สมองลดลงและสามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้น ยาแก้แพ้ตัวใหม่ที่จะมาแนะนำในวันนี้ก็คือ Bilastine ซึ่งเป็นยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ง่วงและมีโครงสร้างแตกต่างจากยาในกลุ่มเดียวกันโดยสิ้นเชิง
Bilastine มีข้อดีอย่างไร
ตัวยา Bilastine หรือในชื่อการค้า Bilaxten® มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (allergic rhinitis) และลมพิษ (Urticaria) อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะไม่ทำให้ง่วงนอนแล้ว ยังสามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมงและลดอาการของผื่นผิวหนังได้หลังรับประทานยาไปภายใน 24 ชั่วโมงอีกด้วย
วิธีรับประทาน Bilastine
รับประทานวันละ 1 เม็ด ขนาด 20 mg แนะนำให้รับประทานขณะที่ท้องว่างและหลีกเลี่ยงการรับประทานร่วมกันกับน้ำผลไม้เนื่องจากจะส่งผลต่อการดูดซึมของยา
ด้านความปลอดภัย
- Bilastine มีความปลอดภัยในการใช้สำหรับเด็กอายุมากกว่า 12 ปี ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
- ระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับ โรคไต สตรีมีครรภ์และสตรีที่กำลังให้นมบุตรเนื่องจากยังมีข้อมูลการศึกษาไม่เพียงพอว่ายานี้ส่งผลอย่างไรต่อทารกหรือสามารถผ่านทางน้ำนมของมารดาได้หรือไม่ เนื่องจากยาบางชนิดสามารถก่อให้ทารกเกิดวิกลรูปได้ จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง
อ้างอิง
- Bilastina. What Bilastine is and what it is used for [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 4 กรกฎาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก https://bilastina.com/en/about-bilastine/
- Gandhi, J., Godse, K., & Godse, G. (2018). Bilastine: A novel antihistamine. Indian Journal of Drugs in Dermatology, 4(1), 3.
- Leceta, A., Sologuren, A., Valiente, R., Campo, C., & Labeaga, L. (2017). Bilastine in allergic rhinoconjunctivitis and urticaria: a practical approach to treatment decisions based on queries received by the medical information department. Drugs in context, 6.
- Mösges, R., Lee, D. L. Y., Abong, J., Siasoco, B., Chow, S. K., Leong, J. L., … & Campomanes, B. (2016). Role of bilastine in the management of allergic rhinitis and urticaria: an Asia-Pacific consensus statement. Asia Pacific Allergy, 6(1), 56-66.
- Papadopoulos, N. G., & Zuberbier, T. (2019). The safety and tolerability profile of bilastine for chronic urticaria in children. Clinical and translational allergy, 9(1), 1-7
- Product monograph including patient medication information. [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 4 กรกฎาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก https://aralez.com/wp-content/uploads/2016/12/BLEXTEN-Product-Monography-English.pdf
- Scaglione, F. (2012). Safety profile of bilastine: 2nd generation H1-antihistamines. Eur Rev Med Pharmacol Sci, 16(14), 1999-2005.
- นศภ. กนกวรรณ ศักดิ์สกุลไกร. ยาแก้แพ้กลุ่มที่ทำให้ง่วงและไม่ง่วง รักษาอาการแพ้ได้เหมือนกันจริงหรือ?. [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 4 กรกฎาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/knowledge_full.php?id=27
- รศ.นพ.สุวัฒน์ เบญจพลพิทักษ์.โรคภูมิแพ้ในเด็ก ตอนที่1. [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 10 กรกฎาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก http://allergy.or.th/2016/resources_expert_detail.php?id=92