Skip to content

ตั้งแต่ที่เภสัชได้ทำงานที่ร้านยามา พบปัญหาว่าคนไข้หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคข้อเสื่อม หรือ อาการปวดข้ออยู่ 2 ประเด็นหลักๆ คือ

  1. คิดว่าอาการปวดเข่ามาจากกระดูกที่พรุนและเสื่อม
  2. อาหารเสริมที่คนมักคิดถึงเวลาปวดเข่า คือ แคลเซียม

การที่กระดูกพรุน เกิดจากการสึกกร่อนของแกนกลางกระดูก แต่โครงสร้างกระดูกมันไม่ได้มีแค่แกนกลางกระดูกเท่านั้น มันยังมี กระดูกอ่อน กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นประสาท ข้อต่อ ที่ทำงานประสานกัน ดังนั้นเราควรพิจารณาว่าอาการปวดของเรามีสาเหตุมาจากส่วนใด เพื่อนำไปสู่การเลือกใช้ยา หรือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เหมาะสม หรือเราอาจจะพิจารณาจากอาการก็ได้ ถ้ามีอาการปวดเมื่อขยับข้อ ข้อปวด กดเจ็บ หรือ ได้ยินเสียงสั่นเมื่อมีการเคลื่อนไหว อันนั้นจะเป็นการปวดจากข้อเสื่อมหรือข้ออักเสบ ไม่ใช่จากกระดูกพรุน

อีกประเด็นคือการรับประทานเฉพาะแคลเซียมเพียงอย่างเดียว แล้วหวังผลในเรื่องของการบำรุงข้อเข่าก็เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดเช่นกัน เพราะแคลเซียมจะช่วยชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุนเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนของแกนกลางกระดูก แต่จริงๆแล้วถ้าจะให้ครบก็ควรจะดูแลทั้ง 3 ส่วนหลักๆ คือ แกนกระดูก(เป็นแกนกระดูกแข็งๆ) ข้ออ่อนหุ้มกระดูก(เปรียบเสมือนเจราบีที่ช่วยหล่อลื่นบริเวณข้อต่อ) และน้ำเลี้ยงไขข้อ(อยู่ตรงกลางระหว่างข้อต่อ) ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่อาการปวดข้อมักจะมีสาเหตุมาจากความบกพร่องของ 3 ส่วนนี้แหละ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อน้ำเลี้ยงไขข้อลดลง ทำให้ช่องว่างกระดูกแคบลง จนเกิดการชนกันระหว่างข้ออ่อนหุ้มกระดูก ทำให้เวลาขยับร่างกาย หรือ มีแรงกดทับนานๆ จะทำให้เกิดแรงเสียดสีระหว่างข้อต่อ จนเกิดการอักเสบและการปวดได้

โดยในการดูแลแต่ละส่วนก็จะใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลไม่เหมือนกัน อย่างเช่น การบำรุงแกนกลางกระดูกไม่ให้กระดูกพรุน ก็ควรรับประทานในกลุ่มของแคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินเค2 ส่วนการเสริมน้ำเลี้ยงไขข้อก็ควรเสริมด้วย กลูโคซามีน และ คอนดรอยติน ส่วนข้ออ่อนหุ้มกระดูกก็ควรเลือกรับประทานในกลุ่มของคอลลาเจน เป็นต้น

การเลือกทานคอลลาเจนเพื่อบำรุงข้อเข่า ก็ควรจะเลือกเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 เนื่องจากเป็นชนิดที่ พบได้ในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อและหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งแตกต่างจากคอลลาเจนที่พบในผิวหนัง ซึ่งจะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3 และ 4 (Collagen Type 1, 3 และ 4) นอกจากนี้คอลลาเจนชนิดที่ 2 ยังแบ่งออกเป็นหลายชนิด ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต โดยพบว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 ชนิด Undenatured Collagen Type II (UCII) เป็นชนิดที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคอลลาเจนชนิดที่ 2 ที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เองมากที่สุด เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่ผ่านความร้อนสูงและไม่ผ่านการย่อยสลายด้วยเอนไซม์ มีโครงสร้างเป็นแบบ Triple Helix Structure ทำให้สามารถออกฤทธิ์ได้บริเวณข้อ โดยลดอัตราการทำลายหรือความเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อ ได้ดีกว่าชนิดอื่น

นอกจากนี้ยังมีอาหารทางธรรมชาติอีกหลายตัวที่ช่วยในเรื่องของข้อกระดูก รวมไปถึงเสริมน้ำเลี้ยงไขข้อ เช่น กลูโคซามีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นธรรมชาติที่สกัดมาจากเปลือกกุ้ง เปลือกปู ช่วยในการผลิต proteoglycans,mucopolysaccharides และ hyaluronic acid ที่เป็นสารสำคัญต่อการสร้างเนื้อเยื่อข้อต่อ เช่น กระดูกอ่อนผิวข้อ, เส้นเอ็น และ น้ำหล่อเลี้ยงข้อ อีกทั้งยังมีหน้าที่ป้องกันการทำลายกระดูกอ่อนของข้อ ต้านการอักเสบ สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคข้อเสื่อมได้ นอกจากนี้มีการศึกษาพบว่าการใช้ glucosamine ร่วมกับ Chondroitin sulfate มีฤทธิ์เสริมกัน โดยการใช้ร่วมกันสามารถเพิ่มระยะห่างระหว่างข้อต่อได้อีกด้วย

การรับประทานอาหารเสริม แม้ว่าจะมีข้อดีคือมีความปลอดภัยสูงกว่ายา แต่ข้อเสียคือระยะเวลาในการออกฤทธิ์จะนานกว่า ดังนั้นในช่วง 1-2 เดือนแรก ควรจะรับประทานยาบรรเทาอาการปวดควบคู่ไปด้วย เช่น ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs ยาพาราเซตามอนเป็นต้น ซึ่งผลข้างเคียงก็ค่อนข้างมาก และมีข้อจำกัดในผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ โรคหอบหืด เป็นต้น จึงควรทานเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

บางคนเลยเลือกที่จะมาใช้เป็นสารอาหารที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบได้เช่นเดียวกัน แต่มีความปลอดภัยกว่า เช่น ขมิ้นชัน ที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของระบบในทางเดินอาหารแล้ว ขมิ้นชันยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ด้วย แต่ ขมิ้นชันทั่วไปมีข้อจำกัดในเรื่องการละลายน้ำ ทำให้การดูดซึมเข้ากระแสเลือดเพื่อไปลดการอักเสบในร่างกายเป็นไปได้ยาก หากเราสามารถพัฒนาขมิ้นชันให้มีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้ดีขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มสรรพคุณด้านการต้านอักเสบได้มากขึ้น สามารถนำมาใช้ในการรักษาการอักเสบต่างๆได้ นอกจากนี้ก็ยังมี โอเมก้า 3 มีส่วนประกอบสำคัญ คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบในร่างกายได้ พบได้ในพวก น้ำมันปลา หรือ น้ำมันคริลล์เป็นต้น 

ดังนั้น หากคนไข้ฟังและทำความเข้าใจถึงองค์ประกอบของข้อต่อและกระดูกแล้ว คนไข้ก็สามารถมีสุขภาพของกระดูกและข้อในอุดมคติได้ไม่ยาก ซึ่งนอกจากต้องประกอบไปด้วย มีแกนกลางกระดูกที่แข็งแรง ไม่บางและไม่พรุน มีข้ออ่อนหรือกระดูกอ่อนหุ้มกระดูกที่สมบูรณ์ ไม่สึกหรอ ข้ออ่อนหุ้มกระดูกจะช่วยเพิ่มความลื่นและช่วยให้การเคลื่อนไหวสะดวก และมีน้ำเลี้ยงไขข้อที่เพียงพอเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกเสียดสีกัน ยังต้องลดปัจจัยที่จะไปทำลายกระดูกและข้อด้วย เช่น การดื่มคาเฟอีน การแบกของหนักๆ หรือ  มีน้ำหนักตัวเยอะ ร่วมกับการออกกำลังกาย และ รับประทานสารอาหารที่ไปช่วยสร้างและซ่อมแซมกระดูก ด้วย