Skip to content

ไรฝุ่น เป็นแมลงที่มีขนาดเล็กมากจนมนุษย์เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยด้วยตาเปล่า มีความยาวเพียง 0.1-0.3 มิลลิเมตร อยู่ปะปนกับฝุ่นภายในบ้าน กินผิวหนังของมนุษย์ที่ถูกผลัดออกมาเป็นอาหาร

ในคนที่แพ้ไรฝุ่น เมื่อหายใจเอาอากาศที่มีไรฝุ่นเข้าไปอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้นในระบบทางเดินหายใจได้ โดยไรฝุ่นที่พบได้บ่อยและก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ มี 2 ชนิด คือ Dermatophagoides pteronyssinus (DP) และ Dermatophagoides farinae (DF)

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับไรฝุ่น

  1.     ไรฝุ่น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ ได้ทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่

2.     ในประเทศไทยพบว่าผู้ป่วยโรคหอบหืด มักมีสาเหตุมาจากการแพ้สารภูมิแพ้ชนิดไรฝุ่น มากกว่าสารก่อภูมิแพ้ชนิดอื่นๆ

3.     ร่างกายของเรา ได้รับสารก่อภูมิแพ้จากตัวไรฝุ่น โดยการสูดดมมูลของตัวไรเข้าไปในหลอดลมและปอด

4.     การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ โดยเฉพาะตัวไรฝุ่น จะทำให้อาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ลดลง

5.     มี 8 ขา จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับแมงมุม ตัวหิด เห็บ ขนาด 0.1-0.3 มม.

6.     ตัวไรเองไม่ได้เป็นสารก่อภูมิแพ้โดยตรง แต่โปรตีนที่อยู่ในสิ่งปฏิกูลและเปลือกหรือซากของมัน เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้

7.     ตัวไรฝุ่นจะปล่อยสิ่งปฏิกูลวันละประมาณ 4 ชิ้น สิ่งปฏิกูลที่ตัวไรสร้างตลอดชีวิตของมันจะมากกว่าน้ำหนักของตัวมันถึง 200 เท่า ถ้าเรานำหมอนที่มีอายุประมาณ 2 ปี มาชั่งน้ำหนัก จะพบว่า 10% ของน้ำหนักที่ชั่งได้ จะมาจากตัวไรและสิ่งปฏิกูลของมัน

8.     ขณะที่เรานอนหลับ จะมีการพลิกตัว 60-70 ครั้งต่อคืน ตัวไรและสิ่งปฏิกูลของมันจะกระจายฟุ้งขึ้นมาในอากาศ และลอยอยู่ได้ประมาณ 2 ชั่วโมง

9.     ในประเทศไทยพบว่า ที่นอนตามบ้านเรือนส่วนใหญ่ มีสารแพ้จากไรฝุ่นสูงเกิน 2 ไมโครกรัมในฝุ่น 1 กรัม แทบทั้งสิ้น

10.     สำหรับที่นอนฟูกหนาๆ ไม่แนะนำให้ตากแดด เนื่องจากไม่ได้ผล เพราะแสงแดดไม่สามารถฆ่าตัวไรฝุ่นหรือทำลายสารภูมิแพ้ได้ อุณหภูมิจากแดดจัดๆ จะประมาณ 40 องศาเซลเซียส ซึ่งไรฝุ่นจะหนีความร้อนจากด้านบนไปสะสมอยู่ด้านล่างและสารภูมิแพ้เป็นโปรตีนที่สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 100 องศาเซลเซียส

เราจะวินิจฉัยอาการของโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นได้อย่างไร?

แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ร่วมกับดูอาการของโรค หากสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น อาจตรวจเพิ่มเติมโดยการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Test, SPT) หรือการเจาะเลือดตรวจภูมิจำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้ (Specific IgE Blood Test)

การรักษาโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น ทำได้อย่างไรบ้าง?

1. จัดการที่ต้นเหตุ คือ กำจัดตัวไรฝุ่น

  • ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ โดยแนะนำให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น
  • ใช้เครื่องกรองอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศ ชนิด HEPA filter
  • หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน
  • ควรซักทำความสะอาดเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนประมาณ 60 องซาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 30 นาที อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อฆ่าไรฝุ่น
  • ควรนำเครื่องนอนออกตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที
  • ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนควรทำมาจากผ้ากันไรฝุ่น หรือผ้าที่มีเส้นใยถี่แน่น มีรูห่างของผ้าทอเล็กมาก ซึ่งสามารถลดการเล็ดลอดของไรฝุ่นออกมาได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้พรม เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น

2. รักษาโดยการใช้ยา เช่น

  • ยาแก้แพ้ (Antihistamines) เพื่อลดอาการคันจมูก น้ำมูกไหล ผื่นแพ้
  • ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก (Nasal corticosteroids) เพื่อลดอาการบวมในโพรงจมูก ลดอาการคัดจมูก 
  • ยาสเตียรอยด์ชนิดทา (Topical corticosteroids) เพื่อลดอาการคัน อาการอักเสบบริเวณผิวหนัง โดยความแรงที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามบริเวณที่เป็น
  • ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน (Oral corticosteroids) กรณีที่มีอาการแพ้รุนแรง
  • ยาฆ่าเชื้อ (Antibiotics) กรณีที่มีการติดเชื้อร่วมด้วย