จากสถิติคนไทยมีปัญหาสุขภาพดวงตาเฉลี่ย 120,000 คนต่อปีและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 40,000 คน โดยพบว่าส่วนใหญ่ปัญหาสุขภาพดวงตาจะเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
Fish oil น้ำมันปลา อาหารเสริมที่ผู้รักสุขภาพส่วนใหญ่นิยมรับประทาน โดยพบว่าน้ำมันปลามีกรดไขมัน Omega-3 ซึ่งประกอบด้วย EPA และ DHA ปริมาณสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นของร่างกาย
ประโยชน์ของ Fish oil กับการบำรุงสายตา
1. เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
น้ำตาประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ 3 ชั้น คือ ชั้นเยื่อเมือก ชั้นน้ำ และชั้นไขมัน โดยพบว่าผู้ที่ภาวะตาแห้งองค์ประกอบในชั้นไขมันจะมีปริมาณน้อย ทำให้น้ำตาหรือสารหล่อลื่นในดวงตาละเหยและแห้งไว เกิดจากความผิดปกติของต่อมไขมันที่เปลือกตา (Meibomian Gland) ซึ่งอาจจะเกิดการอุดตัน ทำให้ความสามารถในการผลิตชั้นไขมันของน้ำตาลดลง
โดยพบว่าการรับประทาน Fish oil เป็นประจำจะทำให้การทำงานของต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มการสร้างไขมันให้กับน้ำตา รวมไปถึงลดโอกาสการอุดตันของต่อมไขมันบริเวณใต้เปลือกตา
2. ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา
2.1 จอประสาทตาเสื่อมชนิดแห้ง
ร้อยละ 90 ของผู้ป่วยจอประสาทตาเสื่อมจะเป็นการเสื่อมชนิดแห้ง เกิดจากการเสื่อมของจอประสาทตาตามอายุของผู้ป่วย โดยอาการเสื่อมจะพัฒนาอย่างช้าๆ ผู้ป่วยจะมีอาการมองเห็นภาพมัว บิดเบี้ยว และอาการแย่ลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น
2.2 จอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก
เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดภายในจอประสาทตา เกิดการแตกของเส้นเลือดทำให้เลือดคลั่งอยู่บริเวณจอประสาทตา ทำให้บริเวณนั้นบวมผิดปกติ การรับภาพจึงผิดเพี้ยน
โดย Fish oil มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) โดยอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมของเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย รวมไปเซลล์จอประสาทตา ช่วยลดโอกาสการเกิดจอประสาทตาเสื่อม รวมไปถึงลดโอกาสการพัฒนาของจอประสาทตาเสื่อมชนิดแห้งได้อีกด้วย
ปริมาณ Fish oil ที่ควรรับประทาน
ควรรับประทาน Fish oil ที่มีกรดไขมัน Omega-3 ปริมาณ 250 – 500 มิลลิกรัมต่อวัน
ข้อควรระวัง
1. ผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารทะเล
2. ผู้ที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดหรือรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดอยู่