Skip to content

รู้แบบนี้ กินถั่วเน่าญี่ปุ่น(Natto) มาตั้งนานแล้ว!

มารู้จักกับ ถั่วเน่าญี่ปุ่น หรือ นัตโตะ อาหารยอดฮิตประจำชาติญี่ปุ่น

นัตโตะ(Natto) เป็นอาหารประจำชาติของคนญี่ปุ่น ทำมาจากถั่วเหลืองต้มห่อด้วยฟางข้าว หลังจากนั้นก็จะเกิดแบคทีเรียบาซิลลัสซับทิลิส (Bacteria Bacillus Subtilis) ขึ้น กลายเป็นถั่วเหลืองหมักที่มีลักษณะเป็นเมือกเหนียวๆ ด้วยความที่นัตโตะมีกลิ่นที่ฉุน(1) ค่อนข้างเฉพาะตัว คล้ายกับกลิ่นถั่วเน่า ทำให้เราเรียกกันว่า ถั่วเน่าญี่ปุ่นนั่นเอง โดยพบว่านัตโตะมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายหลายประการ เป็นอาหารอายุวัฒนะ ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานกันจนเป็นอาหารหลักประจำชาติ

ตำนานของนัตโตะ(Natto)

นัตโตะ เกิดมาจากความบังเอิญของนักซามูไรญี่ปุ่นที่ชื่อว่า มินาโมโตะ โนะ โยชิอิเอะ (Minamoto no Yoshiie) ซึ่งในขณะนั้นกองทหารของเขาถูกโจมตีขณะกำลังต้มถั่วเหลืองให้ม้า ทำให้พวกเขารีบเก็บถั่วเหลืองต้มลงในถุงฟางแล้วไม่ได้เปิดอีกเป็นเวลาหลายวัน พอมาเปิดอีกทีกลับพบว่าถั่วได้ถูกหมักเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าถั่วที่ได้จะมีกลิ่นฉุน แต่พวกเขาพบว่ามันกลับมีรสชาติที่อร่อยมาก เช่นเดียวกับที่เจ้าชายโชโตกุพบนัตโตะโดยบังเอิญ จากการที่เอาถั่วเหลืองต้มที่ทานไม่หมด มาห่อเก็บไว้ด้วยถุงฟางข้าวบนหลังม้า หลังจากนั้นมีชาวบ้านมากินและพบว่ามันมีรสชาติที่อร่อย นัตโตะจึงกลายเป็นอาหารที่นิยมทานในญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน(1)

ถั่วเน่าญี่ปุ่น กับสรรพคุณที่ไม่ธรรมดา

ถึงแม้ว่าถั่วเน่าจะมีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง จนหลายๆคนไม่กล้ารับประทาน แต่กลับพบว่าถั่วเน่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เช่น

1.แหล่งวิตามิน K2 ชั้นยอด

โดยปกติร่างกายเราสามารถสังเคราะห์วิตามิน K2 ได้เองจากจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ และได้จากอาหารประเภทหมักดองและเนื้อสัตว์ ซึ่งวิตามิน K2 มีหลายรูปแบบ โดยพบว่าวิตามิน K2 ที่ได้จากนัตโตะ เป็นชนิด MK-7 ที่เป็นชนิดเดียวกับที่ร่างกายสร้างและอยู่ในร่างกายได้นานกว่ารูปแบบอื่น โดยนัตโตะมีปริมาณวิตามิน K2 มากกว่าชีสถึง 15 เท่าและมากกว่าซาวเคราท์ (กะหล่ำปลีเปรี้ยว) ถึง 200 เท่า(2)

2.อุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

โพรไบโอติกส์ คือจุลินทรีย์ตัวดีที่มีอยู่ในร่างกาย เป็นเหมือนทหารคอยปกป้องไม่ให้เกิดการรุกรานของเชื้อโรค พบได้ในอาหารหมักดองต่างๆ เช่น คีเฟอร์ ชาหมัก ผักดองและนัตโตะ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างวิตามิน K2 จากลำไส้อีกด้วย

3.มีโภชนาการหลากหลาย

นอกจากวิตามิน K2 และ โพรไบโอติกส์ แล้ว ในนัตโตะยังอุดมสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย เช่น ธาตุเหล็ก, วิตามินบี, แมงกานีส, วิตามินซี, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส, สังกะสี, ซีลีเนียม และแร่ธาตุอื่นๆอีกมากมาย(1)

4.บำรุงกระดูก

ในนัตโตะมีวิตามิน K2 ที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูก จากการสร้างโปรตีนที่มีชื่อว่า “#ออสทีโอแคลซิน (Osteocalcin)” ที่จะกระตุ้นเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างกระดูก ทำให้มวลกระดูกแข็งแรง และช่วยนำพาแคลเซียมไปที่กระดูก ไม่ให้ไปเกาะสะเปะสะปะตามหลอดเลือด ผลพลอยได้คือช่วยลดการเกาะของแคลเซียมที่หลอดเลือดแดง (Calcification) จึงลดเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis) ได้นั่นเอง(3)

5.ช่วยสลายลิ่มเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ในนัตโตะจะมีเอนไซม์ชื่อว่า “นัตโตะไคเนส” ที่มีคุณสมบัติช่วยละลายลิ่มเลือด นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ว่านัตโตะอาจช่วยลดความดันโลหิตสาเหตุหนึ่งของหัวใจขาดเลือดด้วยการเข้าไปหยุดการทำงานเอนไซม์ ACE ที่มีผลให้หลอดเลือดหดตัว เสริมด้วยวิตามิน K2 ที่ช่วยป้องกันการสะสมของแคลเซียมในหลอดเลือด ผลการวิจัยพบว่าหากเราทานอาหารที่มีวิตามิน K2 เป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้กว่า 50% เลยทีเดียว(2)

6.เสริมภูมิคุ้มกัน

โพรไบโอติกที่อุดมอยู่ในนัตโตะจะช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในระบบย่อยซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอันตราย เพิ่มภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงการติดเชื้อในช่วงที่ไม่สบายอีกด้วย จากการวิจัยพบว่าในกลุ่มทดลองที่ได้รับ B. Subtilis จุลินทรีย์ตัวเดียวกันในนัตโตะ มีโอกาสที่จะติดเชื้อทางเดินหายใจน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับกว่า 55%(2)

วิธีการทานนัตโตะ ในแบบฉบับมือใหม่หัดลอง

ในประเทศญี่ปุ่น มักจะทานนัตโตะเป็นอาหารเช้าคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ถ้าท่านที่เคยไปประเทศญี่ปุ่นจะเห็นว่ามีผลิตภัณฑ์นัตโตะขายหลากหลายยี่ห้อ บางยี่ห้ออาจจะมีซอสหรือมัสตาร์ดมาให้ด้วยเพื่อกลบกลิ่นของนัตโตะให้ทานได้ง่ายขึ้น แต่หากคนที่ไม่เคยทานนัตโตะมาก่อน อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับนัตโตะที่มีกลิ่น รสชาติ หน้าตาเฉพาะตัว ทำให้ไม่กล้ารับประทาน อาจจะเริ่มลองเอานัตโตะมาผสมกับเมนูต่างๆ เช่น นัตโตะไข่ลวกเหยาะกับซอสโชยุ สลัดอโวคาโดนัตโตะ ขนมปังหน้านัตโตะไข่กวนชีส หรือ เอาไปประยุกต์กับเมนูไทยอย่างเช่น กะเพราหมูสับนัตโตะ ยำนัตโตะ หรือทานคู่กับน้ำพริกผักสด ก็อร่อยได้เช่นกันค่ะ