ผมร่วงเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยแม้จะเป็นธรรมชาติของร่างกายที่ผมบางส่วนจะร่วงตามวัฏจักรการเจริญเติบโตของเส้นผม แต่การผมร่วงมากเกินไปอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตได้
จากข้อมูลของ American Academy of Dermatology (AAD) ระบุว่า โดยปกติคนทั่วไปจะมีผมร่วงเฉลี่ย 100 เส้นต่อวัน นอกจากนี้สถิติจากองค์การสุขภาพโลก (WHO) ระบุว่า ปัญหาผมร่วงเป็นปัญหาที่พบมากในคนอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยผู้ชายจะมีโอกาสประสบปัญหาผมร่วงมากกว่าผู้หญิง
เข้าใจวัฏจักรของผมก่อน
เส้นผมของคนมีวัฏจักรที่แบ่งออกเป็นสามระยะหลัก ๆ คือ ระยะการเจริญเติบโต (Anagen phase), ระยะหยุดเจริญเติบโต (Catagen phase), และระยะพัก (Telogen phase) แต่ละระยะมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการหลุดร่วงของเส้นผม
1. ระยะการเจริญเติบโต (Anagen phase): ระยะเวลา 2-6 ปี
เป็นระยะที่เส้นผมเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ โดยเซลล์รูขุมขนจะมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วและสร้างเส้นผมใหม่ขึ้นมา โดยเฉลี่ยเส้นผมจะยาวขึ้น 1 เซนติเมตรต่อเดือน
จำนวนเส้นผมประมาณ 85-90% ของเส้นผมทั้งหมดอยู่ในระยะนี้
2. ระยะหยุดเจริญเติบโต (Catagen phase): ระยะเวลา 2-3 สัปดาห์
เป็นระยะที่รูขุมขนหยุดการเจริญเติบโต และมีการหดตัวของรูขุมขน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เตรียมความพร้อมสำหรับระยะพัก
จำนวนเส้นผมประมาณ 1-2% ของเส้นผมทั้งหมดอยู่ในระยะนี้
3. ระยะพัก (Telogen phase): ระยะเวลา 2-3 เดือน
เป็นระยะที่เส้นผมหยุดการเจริญเติบโตและเตรียมพร้อมสำหรับการหลุดร่วง รูขุมขนจะหยุดทำงานและเส้นผมที่อยู่ในระยะนี้จะหลุดร่วงเมื่อถูกแทนที่ด้วยเส้นผมใหม่
จำนวนเส้นผมประมาณ 10-15% ของเส้นผมทั้งหมดอยู่ในระยะนี้
หลังจากเส้นผมในระยะพักหลุดร่วง วงจรชีวิตของเส้นผมก็จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง โดยรูขุมขนจะเริ่มเข้าสู่ระยะการเจริญเติบโต และสร้างเส้นผมใหม่ขึ้นมา วงจรนี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆ ตลอดชีวิต
สาเหตุของผมร่วง
1. พันธุกรรม
ผมร่วงทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Androgenetic Alopecia เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โดยมีลักษณะผมร่วงเป็นแพทเทิร์นทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ในผู้ชายมักเริ่มต้นด้วยการบางลงที่บริเวณหน้าผากและมงกุฎผม ในขณะที่ผู้หญิงมักจะมีผมบางลงทั่วทั้งศีรษะ
2. การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของผมร่วง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนระหว่างการตั้งครรภ์ การคลอดลูก หรือช่วงวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้ผมร่วงชั่วคราวหรือถาวรได้
3. อาหารและโภชนาการ
การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น โปรตีน วิตามิน C, D, และ E รวมถึงธาตุเหล็กและสังกะสี อาจเป็นสาเหตุของผมร่วงได้ การบริโภคอาหารที่ไม่เพียงพอหรือขาดสมดุลจะทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การได้รับวิตามิน A ปริมาณสูงก็ทำให้ผมร่วงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
4. ความเครียดและสภาวะจิตใจ
ความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจสามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะผมร่วงชั่วคราวที่เรียกว่า Telogen Effluvium ซึ่งเป็นการหยุดการเจริญเติบโตของเส้นผมชั่วคราว นอกจากนี้ภาวะความเครียดยังสามารถทำให้เกิดพฤติกรรมการดึงเส้นผมเองที่เรียกว่า Trichotillomania ได้
5. การใช้ผลิตภัณฑ์เส้นผมที่มีสารเคมีแรง
การใช้ผลิตภัณฑ์เส้นผมที่มีสารเคมีแรงหรือการทำทรีตเมนต์เส้นผมบ่อยครั้ง เช่น การย้อมผม การดัดผม การยืดผม สามารถทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น
6. การรักษาหรือยาบางชนิด
การรักษาทางการแพทย์บางชนิด เช่น การทำเคมีบำบัด การฉายรังสี รวมถึงการใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต ยารักษาโรคหัวใจ และยาคุมกำเนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดผมร่วงได้
…ผมร่วงขนาดไหนต้องไปหาคุณหมอ ?…
- ผมร่วงอย่างรวดเร็วและมากเกินไป: หากคุณมีผมร่วงอย่างรวดเร็วและผิดปกติในช่วงเวลาสั้น ๆ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ ผมร่วงเป็นกระจุก หรือมีเส้นผมตกหล่นมากกว่า 100 เส้นต่อวัน
- ผมร่วงเป็นหย่อมหรือเป็นวงกลม: ผมร่วงเป็นหย่อมหรือเป็นวงกลมบนศีรษะหรือบริเวณอื่นของร่างกาย อาจเป็นสัญญาณของภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ศีรษะบางลงอย่างชัดเจน: หากคุณมีศีรษะบางลงอย่างชัดเจน เช่น ผู้ชายมีผมบางลงที่หน้าผากและมงกุฎผม หรือผู้หญิงมีผมบางลงทั่วทั้งศีรษะ
- มีอาการอื่นร่วมด้วย: อาการคัน เจ็บ หรือบวมแดงที่หนังศีรษะ หรือผมร่วงร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น น้ำหนักลด อ่อนเพลีย หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ผมร่วงหลังการใช้ยาหรือการรักษาทางการแพทย์: หากคุณเริ่มมีผมร่วงหลังการใช้ยาหรือการรักษาทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและปรับการรักษา
การรักษาด้วยยา
Minoxidil:
ยาจะขยายหลอดเลือดทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เพิ่มการส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังรูขุมขน ช่วยกระตุ้นให้รูขุมขนที่อยู่ในระยะพัก (Telogen phase) เข้าสู่ระยะการเจริญเติบโต (Anagen phase) เร็วขึ้น ยืดระยะเวลาที่เส้นผมอยู่ในระยะการเจริญเติบโต ทำให้ผมที่งอกขึ้นใหม่แข็งแรงและยาวขึ้น
Finasteride:
ยาจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5-alpha-reductase ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเป็นไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ลดระดับ DHT ช่วยป้องกันการหดตัวของรูขุมขนและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมโดยยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผม (anagen phase) ทำให้เส้นผมมีการเจริญเติบโตนานขึ้นและลดระยะพัก (telogen phase)
*เนื่องจากยามีผลข้างเคียงต่อความดันหรือฮอร์โมนเพศ การรักษาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
การรับประทานอาหารเสริม
โปรตีนและกรดอะมิโน: เสริมสร้างความแข็งแรงของเส้นผม กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม การขาดโปรตีนและกรดอะมิโนจำเป็นทำให้ผมอ่อนแอขาดหลุดร่วงได้
วิตามินซี: ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในเซลล์ผิวหนังและเส้นผม ซึ่งมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างและป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผม
วิตามินดี: วิตามินดีมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและการสร้างเส้นผมใหม่โดยพบว่าการขาดวิตามินดีเป็นสาเหตุของผมหลุดร่วง
วิตามินอี: มีความสำคัญในการช่วยปกป้องเซลล์จากการเสื่อมสภาพและการทำลายของอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้
ธาตุเหล็ก: ธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการสร้างโปรตีนและเซลล์เม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นเซลล์สำคัญในการขนส่งออกซิเจนและพลังงานไปยังเซลล์ต่างๆของร่างกาย โดยพบว่าผู้ที่ขาดธาตุเหล็กจะทำให้ผมหลุดล่วงได้ โดยพบมากในเพศหญิงช่วงที่มีประจำเดือนร่างกายจะสูญเสียเลือดและต้องการธาตุเหล็กมากขึ้น
ธาตุสังกะสี: กระตุ้นการสร้างโปรตีนเคราตินทำให้ผมแข็งแรง ควบคุมความมันบนหนังศีรษะนอกจากนี้ยังต้านการอักเสบและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทำให้หนังศีรษะแข็งแรง นอกจากนี้ยังพบว่าผู้รับประทานมังสวิรัติมักจะรับประทานอาหารที่มีธาตุสังกะสีไม่เพียงพอซึ่งภาวะขาดธาตุสังกะสีเป็นหนึ่งในสาเหตุของผมร่วง
หญ้าหางม้า: มีสารสำคัญ คือ ซิลิกา ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเส้นผม ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม
โสม: มีสารสำคัญ คือ Saponins และ Ginsenosides ซึ่งช่วยขยายหลอดเลือดให้เลือดไปเลี้ยงที่เส้นผมได้ดีขึ้น ช่วยสร้างเคราตินและเซลล์ผิวหนังทำให้หนังศีรษะแข็งแรง