Skip to content

NADH ราชาแห่งการชะลอวัย

NADH หรือชื่อเต็ม ๆ คือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide เป็นอนุพันธ์ของวิตามินบี 3 ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเมตาบอลิซึม (Metabolism) หลายร้อยปฏิกิริยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงานที่สำคัญภายในเซลล์ โดย NAD+ คือรูปแบบที่ถูกออกซิไดซ์ (oxidized) ทำหน้าที่รับอิเล็กตรอน ส่วน NADH คือรูปแบบที่ถูกรีดิวซ์ (reduced) ซึ่งทำหน้าที่บริจาคอิเล็กตรอนให้กับเซลล์เพื่อผลิตพลังงาน และทั้งสองสามารถแปลงกลับไปมาเพื่อทำหน้าที่หมุนเวียนกันไป  สำหรับการผลิตพลังงาน (การหายใจระดับเซลล์) NAD+ มีความสำคัญในการเปลี่ยนอาหารที่รับประทานจำพวกคาร์โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีนให้เป็นพลังงานที่ร่างกายนำไปใช้ได้ โดย NAD+ จะจับอิเล็กตรอนระหว่างกระบวนการไกลโคไลซิส (Glycolysis) และวัฏจักรเครบส์ (Kreb cycle) กลายเป็น NADH ซึ่ง NADH จะนำอิเล็กตรอนเหล่านั้นไปยังไมโทคอนเดรีย (Mitocondria) ซึ่งจะถูกใช้ในการสร้างพลังงานโดยหากไม่มี NAD/NADH ร่างกายจะไม่สามารถดึงพลังงานจากอาหารได้เลย NADH จึงมีจุดเด่นในเรื่องของการเพิ่มพลังงานและเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดในระดับเซลล์ และเมื่อเซลล์ในร่างกายมีพลังงานที่เพียงพอก็จะสามารถช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกายได้ จึงเป็นเหตุผลให้ NADH นั้นได้รับฉายาว่าราชาแห่งการชะลอวัย

กลไกการชะลอวัยของ NADH

การเพิ่มพลังงานให้เซลล์: NADH เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างพลังงานระดับเซลล์ หรือ ATP ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย เมื่อระดับ NADH ในร่างกายลดลงตามอายุ เซลล์จะได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความเหนื่อยล้า และเพิ่มความเสื่อมสภาพ การเสริม NADH จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ได้

การซ่อมแซม DNA: NADH เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเอนไซม์ PARP ซึ่งมีหน้าที่ซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย เมื่อเราอายุมากขึ้น ความเสียหายของ DNA จะเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายผลิต NADH ได้น้อยลง การฟื้นฟูระดับ NADH จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการซ่อมแซม DNA และช่วยชะลอความชราได้

การต้านอนุมูลอิสระ: NADH มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายแก่ชรา

การกระตุ้นเอนไซม์ Sirtuins: เอนไซม์ Sirtuins (เซอร์ทูอิน) เป็นกลุ่มเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเซลล์หลายด้าน เช่น ซ่อมแซม DNA ควบคุมเมแทบอลิซึมของน้ำตาลและไขมัน ลดการอักเสบ และมีบทบาทสำคัญในการชะลอความแก่และความเสื่อมของเซลล์ เอนไซม์เหล่านี้จะตอบสนองต่อระดับพลังงานในเซลล์และทำงานได้ดีขึ้นเมื่อระดับ NAD+ สูง

วิธีการเพิ่มระดับ NADH ในร่างกาย

วิธีการเพิ่มระดับ NADH ในร่างกายสามารถทำได้หลายวิธี โดยแบ่งออกเป็น 3 แนวทางหลัก คือ วิธีธรรมชาติ การรับประทานอาหารเสริม และการใช้การรักษาทางการแพทย์

วิธีธรรมชาติ

การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นวิธีพื้นฐานและสำคัญที่สุดในการช่วยให้ร่างกายสร้างและรักษา NADH ไว้ได้

1. การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารจากวิตามินบี 3 และกรดอะมิโนทริปโตเฟนซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ NAD+ ได้แก่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ไก่ ปลา เห็ด ธัญพืชไม่ขัดสี ผลิตภัณฑ์จากนม ผักและผลไม้โดยเฉพาะบล็อกโคลี แตงกวา และผักโขม

2. การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิก และการออกกำลังกายแบบ High-Intensity Interval Training (HIIT) ช่วยกระตุ้นการทำงานของไมโทคอนเดรียและเพิ่มการผลิต NAD+

3. การจำกัดแคลอรี่และการอดอาหารเป็นช่วง (Intermittent Fasting – IF) การทำ IF ในรูปแบบ 16:8 (อด 16 ชั่วโมง กิน 8 ชั่วโมง) หรือการจำกัดแคลอรี่โดยรวมสามารถช่วยเพิ่มระดับ NAD+ ได้

4. การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย การใช้การอบซาวน่า (Heat Therapy) หรือการบำบัดด้วยความเย็น (Cold Therapy) เช่น การอาบน้ำเย็นหรือแช่น้ำแข็ง มีหลักฐานว่าอาจช่วยกระตุ้นการผลิต NAD+ ได้

5. การจัดการความเครียดและการนอนหลับ การนอนหลับที่เพียงพอและมีคุณภาพรวมถึงการลดความเครียดช่วยให้ร่างกายรักษาสมดุลของ NAD+

6. หลีกเลี่ยงปัจจัยทำลาย NAD+ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการสัมผัสรังสียูวีมากเกินไป ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ NAD+ ลดลง

การรับประทานอาหารเสริม

1. การรับประทาน NADH เป็นอาหารเสริมโดยตรง เนื่องจาก NADH เป็นรูปแบบที่ให้พลังงานโดยตรง จึงมีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเพิ่มระดับ NADH ในร่างกาย อาหารเสริม NADH เป็นสารสกัดที่ถูกออกแบบมาให้มีความเสถียร สามารถดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้ เพื่อทำหน้าที่ในการผลิตพลังงาน (ATP) ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในอวัยวะที่ใช้พลังงานสูง เช่น สมองและกล้ามเนื้อ

2. การรับประทานอาหารเสริมที่ช่วยให้ร่างกายได้รับสารตั้งต้นของ NAD+ ได้แก่ Nicotinamide Riboside (NR), Nicotinamide Mononucleotide (NMN)

3. การรับประทาน Resveratrol และ Quercetin สารสกัดจากพืชเหล่านี้ไม่ได้เพิ่ม NAD+ โดยตรง แต่ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ Sirtuin (ซึ่งต้องใช้ NAD+ ในการทำงาน) และมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบซึ่งช่วยรักษาระดับ NAD+ ที่มีอยู่

การรักษาทางการแพทย์ (NAD+ IV Therapy)

การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ (NAD+ Drip) เป็นการให้ NAD+ โดยการฉีดหรือหยดเข้าทางหลอดเลือดดำ โดยมักใช้ในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะเหนื่อยล้าสะสม อย่างไรก็ตามการบำบัดด้วยวิธีดังกล่าวจำเป็นจะต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางเป็นผู้ประเมินและให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ ปวดหัว หรือหัวใจเต้นเร็ว มีราคาสูง และอาจมีความเสี่ยงสำหรับผู้ป่วยมะเร็งจึงควรหลีกเลี่ยงการทำ NAD+ Drip หากเป็นหรือเคยเป็นมะเร็ง เพราะอาจกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้

เอกสารอ้างอิง

1. Covarrubias AJ, Perrone R, Grozio A, Verdin E. NAD+ metabolism and its roles in cellular processes during ageing. Nat Rev Mol Cell Biol. 2021 Feb;22(2):119-141. doi: 10.1038/s41580-020-00313-x. Epub 2020 Dec 22. PMID: 33353981; PMCID: PMC7963035.

2. Alegre J, Rosés JM, Javierre C, Ruiz-Baqués A, Segundo MJ, de Sevilla TF. Nicotinamida adenina dinucleótido (NADH) en pacientes con síndrome de fatiga crónica [Nicotinamide adenine dinucleotide (NADH) in patients with chronic fatigue syndrome]. Rev Clin Esp. 2010 Jun;210(6):284-8. Spanish. doi: 10.1016/j.rce.2009.09.015. Epub 2010 May 5. PMID: 20447621.

3. Gindri IM, Ferrari G, Pinto LPS, Bicca J, Dos Santos IK, Dallacosta D, Roesler CRM. Evaluation of safety and effectiveness of NAD in different clinical conditions: a systematic review. Am J Physiol Endocrinol Metab. 2024 Apr 1;326(4):E417-E427. doi: 10.1152/ajpendo.00242.2023. Epub 2023 Nov 16. PMID: 37971292.